Lecture# 2
Nov. 16, 2010
Understanding and Managing Information Technologies
IT Concept
Data: ข้อมูลทั้งที่เป็นตัวเลข และไม่ใช่ตัวเลขที่ยังไม่มีความหมายที่สามารถเข้าใจได้ชัดเจนหากอยู่เพียงลำพัง
Information: ข้อมูลทั้งที่เป็นตัวเลข และไม่ใช่ตัวเลขที่มีความหมายด้วยตนเอง สามารถเข้าใจและเห็นความเชื่อมโยงในการนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างชัดเจน
Knowledge: องค์ความรู้ที่พัฒนาจาก Data และ Information โดยพยายามรวบรวมจากทุกแหล่งที่น่าเชื่อถือและสามารถนำมาต่อยอดเพื่อสร้างประโยชน์แก่องค์กรในระยะยาว โดยจะต้องผ่านกระบวนการที่พิสูจน์ได้แล้วว่าองค์ความรู้ดังกล่าวนั้นเป็นจริง ถูกต้องและน่าเชื่อถือ
จะเห็นได้ว่า Data, Information และ Knowledge นั้นมีความสัมพันธ์กันในลักษณะพัฒนาขึ้นอย่างเป็นลำดับผ่านกระบวนการที่จำเป็น ดังนั้น ประเด็นสำคัญคือ การพยายามรวบรวมข้อมูลจากทุกแหล่งที่น่าเชื่อถือทั้งภายในและภายนอกองค์กร รวมถึงกระบวนการที่จำเป็นหลังจากนั้นคือ การแยกประเภทและประมวลผลเพื่อนำไปใช้จริง อาทิ การทำบัญชีของบริษัท การบริหาทรัพยากรมนุษย์และการจ่ายค่าตอบแทน (Payroll System) รวมถึงการประเมินความน่าเชื่อถือและฐานะลูกค้า กรณีการปล่อยสินเชื่อหรือการผ่อนชำระ เป็นต้น ซึ่งระบบ IT จะมีลักษณะเป็นหน่วยงานแนวนอนที่สนับสนุนการทำงานของทุกหน่วยงานในองค์กรในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์กรและเป็นการสร้างโอกาสและแนวคิดใหม่ทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี
Information System Infrastructure and Architecture
Personal and Productivity System
ระบบที่ออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนบุคคล เช่น ระบบปฏิบัติการ BB มีคุณสมบัติในการพูดคุยผ่านระบบเฉพาะของเครือข่าย ซึ่งเป็นประโยชน์มากกว่าแค่การสื่อสารระหว่างบุคคลและการติดต่อระหว่างธุรกิจอีกด้วย
Transaction Processing System (TPS)
ระบบการเก็บบันทึกทุกรายการธุรกรรมที่เกิดขึ้นและทุกขั้นตอนการดำเนินงานภายในองค์กร ถือว่าเป็นระบบที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะว่าเก็บข้อมูลทุกอย่างและเป็นฐานข้อมูลขององค์กร เช่น ระบบ Payroll จะบันทึกข้อมูลทั้งหมดของพนักงาน เช่น ข้อมูลประวัติ การทำงาน เวลาเข้า-ออกงาน เป็นต้น มีประโยชน์ในการเก็บข้อมูลสำรองและสามารถเรียกข้อมูลเก่ามาประมวลผลได้เสมอ เหมาะสำหรับการวางแผนการทำงานประจำวัน
Functional Information System
ระบบ IT ที่รองรับการทำงานระดับหน่วยงานเฉพาะที่แตกต่างกันตามหน้าที่ ไม่มีการเชื่อมโยงหรือแบ่งปันข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะการสร้างระบบรวมที่สามารถเชื่อมโยงถึงกันหมดจะมีต้นทุนการพัฒนาค่อนข้างสูง ดูแลยาก และข้อมูลที่เก็บรักษาอาจเป็นความลับที่ไม่เหมาะแก่การเผยแพร่ อาทิ ธนาคาร
Enterprise Resource Planning (ERP)
ระบบจัดการทรัพยากรภายในองค์กร โดยเชื่อมโยงการดำเนินงานและข้อมูลของทั้งองค์กรให้สามารถแบ่งปันระหว่างฝ่ายงานได้หรือที่เรียกว่า สามารถใช้งานได้ในระดับ Cross Function เช่น โปรแกรม SAP Oracle เป็นต้น
Interorganizational System และ Global System
ระบบที่เชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานที่อาจอยู่ในภูมิภาค สถานที่ หรือสาขาที่แตกต่างกัน เพื่อให้สามารถติดต่อระหว่างหน่วยงาน/ สาขาขององค์กรเดียวกันได้ทั่วโลก ซึ่งหากพัฒนาอีกขั้นเป็น Vary Large and Special Information System เป็นระบบที่เชื่อมโยงข้อมูลภายในองค์กรขนาดใหญ่ โดยไม่มีข้อจำกัดของพื้นที่ อีกทั้งยังเชื่อมโยงสู่องค์กรขนาดเล็กภายนอกที่ดำเนินธุรกรรมระหว่างกันด้วย เช่น การจองตั๋วเครื่องบินและแพ็คเกจการท่องเที่ยว ที่เชื่อมโยงผ่านระบบอินเตอร์เน็ตทั้งองค์กรขนาดใหญ่เช่นสายการบินและโรงแรมระดับโลกถึงสถานที่ท่องเที่ยวขนาดเล็กต่างๆ
Management Information System (MIS)
ระบบข้อมูลสำหรับการตัดสินใจของผู้บริหารระดับกลาง โดยข้อมูลทั้งหมดมาจาก Transaction Information System (TIS) เพื่อเปรียบเทียบและตัดสินใจการดำเนินงาน อาทิ ระหว่างสาขาในภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งอาจต้องกำหนดกลยุทธ์หรือแผนการตลาดที่แตกต่างเพื่อกระตุ้นยอดขายของแต่ละสาขา
Decision Support System (DSS)
เน้นที่การเก็บข้อมูลและการประยุกต์ใช้หลักสถิติเพื่อการตัดสินใจ โดยเอาข้อมูลจากภายนอกมารวมด้วย (MIS อาจมีเฉพาะแค่ภายใน) รวมทั้งสามารถช่วยในการตัดสินใจเรื่อง Supply Chain ซึ่งเกี่ยวข้องกับบุคคล/ องค์กรภายนอกด้วย นอกจากนี้ Group DSS (GDSS) ซึ่งสนับสนุนการตัดสินใจกลุ่มที่มีผู้เกี่ยวข้องในการตัดสินใจมากกว่าหนึ่ง มีหลักเกณฑ์การตัดสินใจที่หลากหลาย รวมทั้งต้องการข้อมูลสนับสนุนต่างๆพร้อมกันในคราวเดียว จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานสารสนเทศคอยสนับสนุนข้อมูลให้ เพื่อการตัดสินใจกลุ่มที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความขัดแย้งระหว่างบุคคล และสามารถตัดสินใจบนหลักฐานที่ชัดเจนจริง
Executive Support System (ESS)
ระบบข้อมูลสนับสนุนการทำงานของผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น เช่น CEO CFO โดยเป็นระบบที่ต่อยอดมาจาก MIS และข้อมูลจากภายนอกที่ต้องมีความพร้อม ถูกต้องจริงและสามารถนำเสนอได้ในเวลาที่จำกัด ซึ่งต้องเน้นการนำเสนอข้อมูลโดยการสรุป รูปภาพหรือแผนภาพที่สามารถเปรียบเทียบหรือสร้าง Dashboard ที่สามารถสร้างสถานการณ์จำลองเองได้ เพื่อประโยชน์ในการตัดสินใจด้านกลยุทธ์และแผนงานระยะยาว
Knowledge Management System
เป็นระบบที่รวมองค์ความรู้ขององค์กรทั้งหมดไว้ เพื่อใช้สำหรับแลกเปลี่ยนแบ่งปันกันและนำความรู้เดิมมาแตกยอดโดยพยายามดึงความรู้จากบุคลากรและประสบการณ์การทำงานออกมาให้ได้มากที่สุดเพื่อป้องกันการสูญเสียความรู้แม้ว่าบุคคลนั้นออกจากงานไปแล้ว เพื่อสร้าง Best Practice และเป็นการประหยัดต้นทุนการอบรมพนักงานใหม่อีกด้วย
ดังนั้นจุดประสงค์หลักคือ เพื่อพยายามรวบรวมความรู้ชัดแจ้ง (Explicit) ให้ได้มากที่สุดและพยายามดึงความรู้ที่ฝังอยู่ภายในตัวบุคลากร (Tacit) ออกมาเพื่อเก็บลงในฐานข้อมูลมากที่สุด
ซึ่งการใช้ระบบ IT ทั้งหมดสามารถนำมาบริหาร Supply Chain Management System เพื่อบริหารความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและ Supplier หรือการบริหาร Customer Relationship Management System เพื่อบริหารความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรและลูกค้าทั้งใหม่และเก่า โดยสามารถประมวลผลข้อมูลผ่านระบบการให้บริการ “Cloud Computing” จากผู้ให้บริการต่างๆได้ ทำให้สามารถประหยัดต้นทุนการพัฒนาและรักษาระบบได้จำนวนมาก อย่างไรก็ตามสำหรับองค์กรขนาดใหญ่มักมี Information System Department หรือหน่วยงานระบบสารสนเทศ ทำหน้าที่สนับสนุนทุกฝ่ายงานในองค์กร โดยต้องรู้เรื่องเทคโนโลยี สามารถวางแผนงานผสานงานกับระบบ IT ได้ ซึ่งมีผู้บริหารระดับสูงสุดคือ CIO: Chief Info. Sys Officer หรือ CTO: Chief Tech. Officer
เทคโนโลยีด้านสารสนเทศที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนอกเหนือจาก Internet คือ Intranet (เปรียบเสมือน Internet ภายในองค์กรเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยในการแลกเปลี่ยนข้อมูล) หรือ Extranet (เครือข่ายที่องค์กรต่างๆใช้เชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน) หรือ Collaboration and Communication System (ระบบส่งเสริมการสื่อสารภายในองค์กรผ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น E-mail Lotus-Note หรือIM Mobile-phone และ Social Network ภายในองค์กร) เป็นต้น
น.ส. พิมพ์ชนก เกตุสุวรรณ์
5302110076